ประเพณีการบวชของประเทศกัมพูชา
กิจกรรมการการบวชนาคถูกจัดขึ้นเป็นแบบชาวบ้านในวิถีแบบท้องถิ่นจริงๆ นาคที่บวชจะนั่งบนแคร่ที่ทำจากไม้ไผ่ใช้คนหามหลายๆคนมีกลดบังแดดประกอบกับชาวบ้านร่วมขบวนแห่มากมายทั้งลูกเด็กเล็กแดงหนุ่มสาวเรื่อยไปจนถึงคนแก่ คละคลุ้งไปด้วยฝุ่นตลบอบอวนทั่วทั้งขบวนแห่รอบโบสถ์ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ระหว่างที่คนหามนาคที่นั่งบนแคร่จะมีการยกและโยกตลอดจนเสียงโห่ร้องวงมโหรีบรรเลงอย่างสนุกสนาน นาคที่นั่งบนแคร่ต้องนิ่งระวังไม่ให้ตกจากแคร่เด็ดขาดโดยจะแห่รอบโบสถ์สามรอบและมีการโปรยเงินจากขันที่นาคถือจะรอบโบสถ์สามรอบ ภายในภาพนอกจากขบวนแห่นาคแล้วยังเห็นภาพโบสถ์หลังเก่าที่สร้างแบบผสมผสานระหว่างรูปแบบตะวันตก
และช่างชาวบ้านว่ากันว่า เป็นช่าง ชาวขอม ชาวแกว ชาวญวน
ซึ่งรูปแบบโบสถ์ที่เห็นในภาพเป็นที่แปลกตามากทางสถาปัตยกรรมไม่ว่าจะเป็นประตูรูป
หน้าต่างทึบและ โปร่งรูปวงโค้ง มีเสาสี่เหลี่ยมภายในค้ำหลังคาถึง
6 ต้น
ภายในประดิษฐานประพุทธรูปปูนปั้นแบบช่างท้องถิ่นที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ โบสถ์หลังนี้สร้างอยู่บนฐานสูงมีบันไดทางขึ้นทางทิศตะวันออกส่วนทางขึ้นทางทิศตะวันตกประตูถูกปิดทึบในสมัยโบราณชาวบ้านเล่าให้ฟังว่ามีประตูทางเข้าสี่ด้าน และที่รอบๆตัวโบสถ์ที่มุมฐาน และกึ่งกลางทั้งสี่ด้านบนฐานมีเจดีย์รูปทรงประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหน ชาวบ้านที่นี่เรี่ยกว่า ปะเตียยไม่แน่ใจว่าจะใช่สิ่งเดียวกันกับ
คำว่า บันเตียย ที่แปลว่าป้อมหรือกำแพง ดังในรูปภาพซึ่งประดับทั้งหมด 12 ต้น เมื่อระยะเวลาตอนนั้นเท่าที่เหลือประมาณสัก 8 ต้น เพราะหักพักเสียหายไป ระหว่างปะเตียยเหล่านี้มีระเบียงเชื่อมต่อกันจนรอบภายในมีการปั้นรูปสัตว์ 12 นักษัตร โดยรอบ แต่เมื่อกว่า 20 ที่แล้วไม่ปรากฏสิ่งดังที่กล่าวมาเพราะโบสถ์แห่งนี้เข้าใจว่าน่าจะผ่านมการซ่อมแซมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนครั้งล่าสุดประมาณ 180 ปีที่แล้วเนื่องจากมีไฟไหม้หลังคาที่เป็นหญ้าแฝก และอีกภาพหนึ่งจะเห็นว่ามีศาลาเล็กอยู่หลังหนึ่งที่ไว้ใช้สำหรับวางพระทรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์( จ๊ะตึกเปรี๊ยะแคเจต )ศาลานี้ชาวบ้านเรี่ยกว่า ศาลาซร็องเปรี๊ยะ ละมีสระน้ำโบราณอยู่ด้านหน้าศาลา ศาลาและสระน้ำโบราณดังกล่าวตังอยู่ด้านหน้าโบสถ์
ภายในประดิษฐานประพุทธรูปปูนปั้นแบบช่างท้องถิ่นที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ โบสถ์หลังนี้สร้างอยู่บนฐานสูงมีบันไดทางขึ้นทางทิศตะวันออกส่วนทางขึ้นทางทิศตะวันตกประตูถูกปิดทึบในสมัยโบราณชาวบ้านเล่าให้ฟังว่ามีประตูทางเข้าสี่ด้าน และที่รอบๆตัวโบสถ์ที่มุมฐาน และกึ่งกลางทั้งสี่ด้านบนฐานมีเจดีย์รูปทรงประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหน ชาวบ้านที่นี่เรี่ยกว่า ปะเตียยไม่แน่ใจว่าจะใช่สิ่งเดียวกันกับ
คำว่า บันเตียย ที่แปลว่าป้อมหรือกำแพง ดังในรูปภาพซึ่งประดับทั้งหมด 12 ต้น เมื่อระยะเวลาตอนนั้นเท่าที่เหลือประมาณสัก 8 ต้น เพราะหักพักเสียหายไป ระหว่างปะเตียยเหล่านี้มีระเบียงเชื่อมต่อกันจนรอบภายในมีการปั้นรูปสัตว์ 12 นักษัตร โดยรอบ แต่เมื่อกว่า 20 ที่แล้วไม่ปรากฏสิ่งดังที่กล่าวมาเพราะโบสถ์แห่งนี้เข้าใจว่าน่าจะผ่านมการซ่อมแซมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนครั้งล่าสุดประมาณ 180 ปีที่แล้วเนื่องจากมีไฟไหม้หลังคาที่เป็นหญ้าแฝก และอีกภาพหนึ่งจะเห็นว่ามีศาลาเล็กอยู่หลังหนึ่งที่ไว้ใช้สำหรับวางพระทรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์( จ๊ะตึกเปรี๊ยะแคเจต )ศาลานี้ชาวบ้านเรี่ยกว่า ศาลาซร็องเปรี๊ยะ ละมีสระน้ำโบราณอยู่ด้านหน้าศาลา ศาลาและสระน้ำโบราณดังกล่าวตังอยู่ด้านหน้าโบสถ์
จากสภาพแวดล้อมต่างๆและบุคคลในภาพต่างก็มีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยที่ไม่อาจจะมีใครมาต้านไว้ได้ ไม่ว่าตัวโบสถ์ปัจจุบันถูกรื้อทิ้งไปแทนที่ด้วยโบสถ์สมัยใหม่ทิ้งแค่ซากอิฐเก่าๆที่มีค่าของคนโบราณให้ลุกหลานดูเป็นอนุสรณ์ ศาลาทรงน้ำพระถูกรื้อทิ้งไปอย่างไม่เหลื่อร่องรอย สระน้ำโบราณถูกขุดและถมและขุดจนผิดไปจากของเดิม พระพุทธรูปปูนปั้นประธานและฐานในโบสถ์ถูกต่อเดิมผิดจากงามที่ควรจะเป็นแบบท้องถิ่น รวมไปถึงการอัญเชิญพระพุทธรูปแบบสมัยใหม่ที่เลียนแบบพระพุทธรูปรุ่นเก่ามาประดิษฐานบนฐานที่สูงกว่าพระของเดิมที่มีอยู่แล้วบริเวณด้านหลังพระองค์เก่าซึ่งผู้ใจบุญจากเมืองหลวงเข้ามามีบทบาทในการจัดวางและควบคุม แก้วตาพระพุทธรูปของเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับพระพุทธรูปถูกคนใจมารขโมยไป และเเทนที่ด้วยแก้วตาที่ผู้ใจบุญจัดสร้างให้ใหม่ซึ่งดูแล้วแปลกๆไม่เข้ากับลูกตาองค์พระของเก่า ทุกอย่างที่มาแทนที่ไม่ได้คำนึงถึงองค์ความรู้ของเดิมในการที่ปรับให้เข้ากับสังคมดังเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นของตน แม้แต่ประเพณีการบวชและการแห่นาคอย่างเช่นในภาพนี้ปัจจุบันไม่มีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในทางวัฒนธรรมท้องถิ่นกำลังจะกลายไปเป็นความสาบสูญแห่งความทรงจำเป็นอนิจจัง
เปรียบเทียบประเพณีการบวชของประเทศไทยกับกัมพูชา
ต่างกับประเทศไทยคือประเพณีของประเทศกัมพูชาคือต้องนั่งแคร่ที่ทำจากไม้ไผ่ซึ่งตลอดการแห่นาคก็มีการโยกและร้องรำทำเพลงไปตลอดทางนาคที่นั่งบนแคร่จะต้องระวังไม่ให้ตกจากแคร่โดยเด็ดขาดมีการแก่รอบโบสถ์สามรอบและมีการโปรยเงินจากขันที่นาคถือโดยโปรยให้ครบทั้งสามรอบที่มีการแห่นาค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น