ประเพณีงานศพของประเทศอินโดนีเซีย
มีประเพณีการจัดงานศพเป็นเวลาหลายวันผู้ร่วมงานจะแสดงความรื่นเริง
สนุกต่อการละเล่น การแสดงที่มีเสียงดนตรีและเพลงหรือการแสดงที่เปิดเผยในเรื่องเพศ
ใช้คำหยาบคายในการดื่มเหล้า หรืออาการไม่สำรวมโศกเศร้าร้องไห้ของญาติผู้ตาย
ซึ่งอย่างในงานศพของชาวบาหลีและชวานั้น มีความ
เชื่อในเรื่องงานศพต้องแสดงอาการดีใจ
มิฉะนั้นวิญญาณจะหาหลุมศพไม่พบ(หากเป็นบ้านเราอาจจะรับไม่ได้หากในงานศพต้องแสดงท่าทีที่รื่นเริง)
หรือการใช้คำหยาบคายในการละเล่นหรือมหรสพ
ก็มักจะเป็นไปตามความเชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ เพราะในงานศพบรรพบุรุษจะต้องการให้เกิดการสืบทอดเผ่าพันธุ์ด้วยเสียงฆ้องหรือกลองที่ตีในพิธีศพ
เป็นเสียงที่แสดงสัญลักษณ์การเปลี่ยนผ่านจากชีวิตไปสู่ความตาย
จึงต้องตีให้ดังเพื่อให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับผีง่ายขึ้น ซึ่งเราจะพบเสมอว่า
การตี การเคาะเสียงดัง หรือการจุดพลุประทัด ก็เพื่อสื่อสารกับผีหรือเทพ
ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน คลุมเครือ หรือช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่าน
ที่มีความลึกลับแฝงอยู่ เช่น การตีกลองมโหระทึกในพิธีศพนอกจากนี้ชาวอินโดนีเซียเองเมื่อมีคนในครอบครัวตายก็มักจะเก็บศพไว้ในบ้านเพื่อทำพิธีกรรมคล้ายๆ กับบ้านเรา ที่เก็บศพไว้ในบ้านบ้างหรือวัดบ้าง แต่แตกต่างกันตรงที่มีการเก็บไว้ร้อยวันแล้วค่อยเผา จึงมักมีประเด็นคำถามเสมอเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นเหม็นของศพ ที่แม้ผู้ที่อยู่วัฒนธรรมตะวันตกที่มีสภาพแวดล้อมในภูมิอากาศที่หนาวเย็นกว่ายังนิยมจัดการเรื่องศพให้เสร็จอย่างรวดเร็วที่สุดภายในหนึ่งวัน แต่ในอุษาคเนย์จะพบการเก็บศพไว้ในบ้าน รวมญาติมิตรสหายเป็นเวลานานหลายวัน ย่อมจะต้องมีกลิ่นเหม็นเน่าของศพจนไม่น่าจะทนอยู่ได้ แต่เหตุใดผู้คนแถบนี้จึงไม่สนใจเรื่องกลิ่นหรือความเน่าเหม็น
เปรียบเทียบประเพณีงานศพของประเทศไทยกับอินโดนีเซีย
๑.งานศพในประเทศไทยผู้ร่วมงานจะร่วมแสดงความเสียใจแก่การจากไปของศพ
แต่งตัวและพูดจาให้เกียรติแก่งานศพของผู้ตายและญาติของผู้ตาย
แต่ประเทศอินโดนีเซียแตกต่างจากประเทศไทยคือ ผู้ร่วมงานจะแสดงความรื่นเริง
สนุกต่อการละเล่น การแสดงที่มีเสียงดนตรีและเพลงหรือการแสดงที่เปิดเผยในเรื่องเพศ
ใช้คำหยาบคายในการดื่มเหล้า หรืออาการไม่สำรวมโศกเศร้าร้องไห้ของญาติผู้ตาย
๒.เมื่อมีผู้เสียชีวิตประเทศไทยมีการจัดพิธีศพ ๓ วัน ๗ วัน จัดงานพิธีสวดที่บ้านบ้างหรือที่วัดบ้าง แต่ประเทศอินโดนีเซียนั้นจะมีความคล้ายแค่การเอาศพไว้บ้าน แต่แตกต่างกันตรงที่มีการเก็บศพไว้ถึง ๑๐๐ วัน
๓.ประเทศไทยเมื่อมีการจัดงานพิธีสวดศพเสร็จไม่ว่าจะเป็น ๓ วัน หรือ ๗ วันก็มีการนำไปวัดและทำการเผา ประเทศอินโดนีเซียก็มีการเผาศพเช่นกันเมื่อเสร็จพิธีตรมความเชื่อ
๔.ในงานศพของประเทศไทยนั้นจะมีวงปี่พาทย์ที่ให้ความรู้สึกโศกเศร้าโหยหวน แต่ประเทศอินโดนีเซียจะมีการตีกลองมโหระทึกในพิธีศพให้ความรู้สึกครึกโครมและลึกลับ
๒.เมื่อมีผู้เสียชีวิตประเทศไทยมีการจัดพิธีศพ ๓ วัน ๗ วัน จัดงานพิธีสวดที่บ้านบ้างหรือที่วัดบ้าง แต่ประเทศอินโดนีเซียนั้นจะมีความคล้ายแค่การเอาศพไว้บ้าน แต่แตกต่างกันตรงที่มีการเก็บศพไว้ถึง ๑๐๐ วัน
๓.ประเทศไทยเมื่อมีการจัดงานพิธีสวดศพเสร็จไม่ว่าจะเป็น ๓ วัน หรือ ๗ วันก็มีการนำไปวัดและทำการเผา ประเทศอินโดนีเซียก็มีการเผาศพเช่นกันเมื่อเสร็จพิธีตรมความเชื่อ
๔.ในงานศพของประเทศไทยนั้นจะมีวงปี่พาทย์ที่ให้ความรู้สึกโศกเศร้าโหยหวน แต่ประเทศอินโดนีเซียจะมีการตีกลองมโหระทึกในพิธีศพให้ความรู้สึกครึกโครมและลึกลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น